แนะนำหุ้นกันไปบ้างแล้ว
ก็เลือกชิมกันเอาเองว่าหุ้นตัวไหนดี ถูกใจ ราคาเหมาะสม สามารถลงทุนได้
ซึ่งแน่นอนว่าในบทความต่อๆไปก็ยังคงมีการแนะนำหุ้นที่น่าสนใจอีกหลายตัวและอีกหลายกลุ่มอย่างแน่นอน
ส่วนสำหรับบทความนี้ ขอเปลี่ยนบรรยากาศมาดูการลงทุนแบบอื่นบ้าง
สำหรับนักลงทุนที่กังวลเกี่ยวกับการลงทุนหุ้น
ลองศึกษากองทุนที่ลงทุนในหุ้นบ้างก็ได้ ซึ่งถ้าเป็นผู้มีรายได้
ต้องเสียภาษีเงินได้ปีละมากๆ จะใช้วิธีลดหย่อนภาษีโดยซื้อกองทุน LTF ซึ่งลงทุนในหุ้นอย่างน้อย 60%
การลงทุน
เราอาจจะใช้วิธีซื้อหน่วยลงทุนแบบถัวเฉลี่ยต้นทุน หรือ Dollar Cost Average (DCA)
กองทุน LTF ทุกกองทุนจะลงทุนในหุ้นพื้นฐานดี แต่ก็มีความเสี่ยง
ถ้าท่านสามารถรับความเสี่ยงได้ (ถือกองทุน 5 ปีปฏิทิน ก็สามารถขายได้แล้ว) เช่น ซื้อเดือนธันวาคม 2555 พอถึงมกราคม 2559 ก็สามารถขายได้แล้ว
จึงเป็นการลงทุนอีกแบบหนึ่ง สำหรับท่านที่ต้องการเก็บออมเงินไว้ใช้ในอนาคตและนำไปลดหย่อนภาษีได้
ทีนี้ลองมาเปรียบเทียบดูระหว่างการซื้อถัวเฉลี่ยกับการซื้อครั้งเดียวตอนปลายปี
25.18+24.28+23.92+24.11+26.33+26.17+28.41+29.79+29.30+31.96
= 269.45
นำ 10 ไปหาร เป็นต้นทุน หน่วยละ 26.945 บาท
ซึ่งในปีที่ 1 ถ้าเราซื้อครั้งเดียวปลายปี ต้นทุนหน่วยละ 31.96
บาท
ในปีที่ 2 ราคาเป็นดังต่อไปนี้
33.44+35.51+36.88+37.19+36.38+35.08+33.84+32.10+31.96+33.75
= 346.13
หารด้วย 10 จะได้ต้นทุนหน่วยละ 34.613 บาท
ซึ่งในปีที่ 2 ถ้าซื้อครั้งเดียวตอนปลายปี ต้นทุนหน่วยละ 33.75
บาท
จากข้อมูล จะเห็นได้ว่า
ส่วนใหญ่หุ้นตอนปลายปีจะราคาสูง การลงทุนแบบถัวเฉลี่ย
จะมีต้นทุนถูกกว่าการซื้อครั้งเดียวตอนปลายปี
ปีที่ 1 หุ้นขึ้นจากต้นปีถึงปลายปี ต้นทุนราคาต่อหน่วยต่างกันมาก
ปีที่ 2 หุ้นปลายปีตก แต่ราคาไม่ต่างกันมาก เพราะการซื้อแบบถัวเฉลี่ย
ทำให้ราคาต่างกันเพียงเล็กน้อย
ดังนั้น
การซื้อแบบถัวเฉลี่ยจึงเป็นราคาที่ยุติธรรมสำหรับตัวเรา ไม่สูง และไม่ต่ำจนเกินไป
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น